บุคคลสำคัญของจังหวัดชัยภูมิ

บุคลสำคัญของจังหวัดชัยภูมิ

ประวัติอาจารย์พิทูร มลิวัลย์ 

  นายพิทูร มลิวัลย์ นามเดิม พรหมา มลิวัลย์ เกิดเมื่อวันที่พฤหัสบดีที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ที่ตำบลกุดยม อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ บิดาชื่อนายทา มารดาชื่อนางชื่น โม้แก้ว เป็นบุตรคนที่ ๗ ในจำนวน ๘ คน เมื่อสมัยเป็นเด็กได้อาศัยอยู่กับพี่สาวคนที่ 2 ชื่อนางบุญ มลิวัลย์ ซึ่งนับถือเสมือนมารดาแท้ ๆ เพราะบิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็ก ท่านเลยต้องช่วยเหลือตนเองมาโดยตลอดได้เข้าศึกษาจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนประชาบาลวัดโพธิชัย อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ
          พ.ศ. ๒๔๘๒ อายุได้ ๑๖ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดโพธิชัย อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ในปีนั้นก็สอบได้นักธรรมชั้นตรี จากนั้นได้ย้ายไปอยู่ที่วัดทรงศิลาอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ศึกษาพระธรรมวินัยที่นี่ จนสอบด้นักธรรมชั้นโทและชั้นเอกในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ และปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ตามลำดับ
          ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ในปี พ.ศ. ๒๔๘๗ ก็ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบัวบาน จังหวัดชัยภูมิ ได้นามฉายาว่า “ปญฺญาทีโป”
          ในปี พ.ศ.๒๔๘๘ ท่านได้ย้ายไปอยู่วัดบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น เริ่มศึกษาภาษาบาลีที่สำนักเรียนวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น จนสอบได้เปรียญธรรมประโยค ๓
          ในปี พ.ศ.๒๔๙๐ ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร ศึกษาพระธรรมวินัยที่นี่ และสอบได้เปรียญธรรมตามลำดับต่อไปนี้
          พ.ศ. ๒๔๙๐ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๔
          พ.ศ. ๒๔๙๑ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๕
          พ.ศ. ๒๔๙๒ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๖
          พ.ศ. ๒๔๙๓ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๗
          พ.ศ. ๒๔๙๕ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๘
          พ.ศ. ๒๔๙๖ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๙
          ระหว่างการศึกษาพระธรรมวินัย ก็ได้ปฏิบัติงานช่วยเหลือกิจของวัดมหาธาตุมิได้บกพร่อง จนได้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ คือ
          พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นครูโรงเรียนบาลีมัธยมศึกษาซึ่งเปิดเรียนครั้งแรกในปีนี้
          พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นเลขานุการเจ้าคณะตรวจการผู้ช่วยภาค ๓
          พ.ศ. ๒๔๙๖ เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง กรรมการตรวจประโยคบาลีสนามหลวง กรรมการตรวจชำระพระคัมภีร์ พระไตรปิฎก และอรรถกถา
          พ.ศ.๒๔๙๗ เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนบาลีมัธยมศึกษารองอำนวยการบาลีมหาธาตุวิทยาลัย และอาจารย์พิเศษสอนในจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เป็นเลขานุการของพระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ) เป็นผู้แทนคณะสงฆ์และรัฐบาลไทยเดินทางไปร่วมการทำฉัฏฐสังคายนาที่ประเทศสหภาพพม่า ทางพม่าเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูง จึงยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางภาษาบาลี
          พ.ศ.๒๕๐๐ พระมหาพรหมา ปญฺญาทีโป ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ “พระปิฎกโกศล”
          พ.ศ.๒๕๐๗ ท่านได้ลาสิกขาบท และเปลี่ยนชื่อเป็น “พิทูร มลิวัลย์”
อาจารย์พิทูร มลิวัลย์ ได้เข้ารับราชการที่หอสมุดแห่งชาติระยะหนึ่ง ก็ย้ายไปรับราชการที่กรมการศาสนากระทรวงศึกษาธิการ จนได้ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปริยัติปกรณ์ระหว่างที่ทำงานก็ได้สมัครเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงและสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต
อาจารย์พิทูร มลิวัลย์ มีผลงานทางวิชาการมากมายโดยเฉพาะหนังสือ ตำราเรียนและบทความศาสนา เช่น ศาสนาพื้นฐาน ตอนที่ ๑-๒ สภาวธรรมพื้นฐาน ตอนที่ ๑-๙ แบบเรียนวิชาสภาวกประวัติ นักธรรมชั้นโท เอกหลักธรรมสำหรับพัฒนาชีวิต เป็นต้น เป็นวิทยากรทางรายการโทรทัศน์ชื่อ “ธรรมะกับเยาวชน” อาจารย์พิทูร มลิวัลย์ จึงได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยศิลปากร เกษตรศาสตร์ ธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เป็นอาจารย์บรรยายพิเศษ
          นอกจากนี้อาจารย์พิทูร มลิวัลย์ ยังได้สนใจจารึกและวรรณกรรมท้องถิ่นตะวันออกเฉียงเหนืออย่างสม่ำเสมอตลอดมา ได้ปริวรรตวรรณกรรมท้องถิ่นตะวันออกเฉียงเหนือดังนี้
          ๑. ขุนทึง นิทานท้องถิ่นแต่งเลียนแบบชาดก
          ๒. อินทิญานสอนลูก สุภาษิตคำสอน
          ๓. พระธาตุพนม การสืบพระพุทธศาสนาในอินเดีย
          ๔. หน้าผากไกลกระด้น นิทานท้องถิ่นเลียนแบบชาดก
          ๕. พระมหาเวสสันดรชาดก ฉบับภาคภาษาอีสาน ๑๓ กัณฑ์
          ๖. พระยาปัสเสนทิ์ คำสอนของสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า
          ๗. สังข์ศิลป์ชัย นิทานท้องถิ่นเลียนแบบชาดก
          ๘. ธรรมดาสอนโลก สุภาษิตคำสอนทั่วไป
          ๙. เซียงเหมี้ยง ศรีธนญชัยฉบับภาคอีสาน
          อาจารย์พิทูร มลิวัลย์ เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาจารึกภาษาและวรรณกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗-๒๕๓๔ เป็นอาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ และกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ เป็นวิทยากรในการฝึกภาคสนาม และสำรวจค้นคว้าเกี่ยวกับจารึกและภาษาถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร สภามหาวิทยาลัยศิลปากรเห็นว่า ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถสูง จึงอนุมัติ “ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาจารึกภาษาไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐
          อาจารย์ ดร.พิทูร มลิวัลย์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้ เบญจมาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ มงกุฎไทย และตริตาภรณ์ช้างเผือก
          อาจารย์ ดร.พิทูร มลิวัลย์ ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งและไตวายในวันพุทธที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ เวลา ๐๘.๓๐ นาฬิกา ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมอายุ ๖๘ ปี
ภิกษุสงฆ์

พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต


 

 

 

 

 




ชื่อ พระมหาสมปอง (ใช้ในการกล่าวเวลาบรรยายธรรม) ฉายา ตาลปุตฺโต นามสกุล นครไธสง อายุ 32 พรรษา

ที่อยู่ปัจจุบัน
วัดสร้อยทอง (พระอารามหลวง) แขวงบางซื่อ
เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
การศึกษา
การศึกษา    เปรียญธรรม ๗ ประโยค
ปริญญาตรี พุทธศาสตร์บัณฑิต (พธ.บ.) เอกปรัชญา
(เกียรตินิยมอันดับ ๑) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาบัณฑิต (สส.ม.)
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พธ.ม.)
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

รางวัลที่ได้รับ
- รางวัล“เสาเสมาธรรมจักรทองคำ” ประเภทส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
สาขาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศ ประจำปี ๒๕๕๑
จาก..สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- รางวัล “จำนง ทองประเสริฐ”
“ฐานะผู้มีผลงานดีเด่นในสาขาพระพุทธศาสนา” ประจำปี ๒๕๕๑
- รางวัล“คนดีศรีแผ่นดิน” ประจำปี ๒๕๕๐ จากหนังสือพิมพ์สื่อสารธุรกิจ
และได้รับการยกย่องให้เป็น “50 ผู้ทรงอิทธิพล แห่งปี 2550”
จากนิตยสาร Positioning ฯลฯ


ผลงานผ่านสื่อ
ผลงานผ่านสื่อโทรทัศน์
พระวิทยากรประจำรายการ
- รายการ “หลวงพี่มาแล้ว” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ๐๙.๕๐ น. ช่อง ๓
- รายการ "ชุมชนนิมนต์ยิ้ม" ทุกวันศุกร์ ๑๘.๐๐ น. ช่อง ๓
และเป็นพระวิทยากรในรายการ
- “ธรรมะเดลิเวอรี่”
- “คุณพระช่วย”,“ตีสิบ”,“วีไอพี”,“เจาะใจ” “สยามทูเดย์” ฯลฯ
ผลงานต่างๆ ได้แก่
วีซีดี “ธรรมะเดลิเวอรี่” ,
หนังสือ"หลวงพี่มาแล้ว"
หนังสือ"ธรรมะฮาเฮ"
หนังสือ"เย็นเถิดโยม"
หนังสือ"ธรรมะเดลิเวอรี่ Talk24ชม.
หนังสือ “ธรรมะเดลิเวอรี่”
หนังสือ “ธรรมะเดลิเวอรี่ ฉบับอมยิ้มอิ่มใจ”
หนังสือ “สุขกันเถอะโยม”
หนังสือ “โยมเอ้ยสิบอกไห่?”
หนังสือ “หลงทางเสียเวลา เดินตามอาตมามีอนาคต(นะโยม)”
หนังสือ “ธรรมะเดลิเวอรี่ แฮบปี้ 24 ชั่วโมง” ฯลฯ


ประสบการณ์การทำงาน
- วิทยากรบรรยายข้าราชบริพารในสมเด็จพระบรมโอสาธิราชฯ
สยามกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์
พระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
- วิทยากรบรรยายข้าราชบริพารในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
- หัวหน้าค่ายพุทธธรรมนำชีวิต “วัดสร้อยทอง”
- อนุกรรมการขจัดสื่อร้ายขยายสื่อดี กระทรวงพัฒนาสังคมฯ
- ที่ปรึกษาคณะกรรมการป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์
- ที่ปรึกษาชมรม ทูบี นัมเบอร์ วัน (บริษัทเวลลอย)
- วิทยากรบรรยายพิเศษ สถาบันการศึกษา
หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต่าง ๆ ฯลฯ


พระมหาสมปอง ฉายา ตาลปุตฺโต แปลว่าบุตรของนางตาล (ที่มาของฉายานี้พระมหาสมปองขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ตั้งเอง) นามสกุล นครไธสง เกิดวันที่ 3 พฤศจิกายน 2521 ปัจจุบันจำพรรษาอยู่วัดสร้อยทอง พระอารามหลวง

การศึกษา ระดับปริญญาตรี พุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) เอกปรัชญา (เกียรตินิยมอันดับ 1) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และปริญญาโท สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต (สส.ม.) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

จับพลัดจับผลูมาอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ สมัยจบชั้นประถมปีที่ 6 ที่ร.ร.บ้านป่าว่าน จ.ชัยภูมิ บังเอิญเป็นช่วงปิดเทอมจึงขออนุญาตแม่ไปเที่ยวงานบวชภาคฤดูร้อนที่วัดถ้ำประกายเพชร ต.ทุ่งลีลาย เพราะอยากเที่ยวถ้ำ เมื่อไปถึงมีคนเรียกให้ไปโกนหัวบวช ด้วยความเชื่อคนง่ายก็เลยได้บรรพชาเป็นสามเณร หลังบวชครบ 15 วัน มีหลวงพี่แนะนำให้ศึกษาพระธรรมต่อ ทีแรกตั้งใจว่าจะบวชอีก 1 ปี ค่อยลาสิกขา ปรากฏว่าล่วงเลยจนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 16 ปีแล้ว

มีแววเป็นนักเทศน์ฝีปากคม ตั้งแต่อายุย่าง 13 ปี ช่วงบรรพชาอยู่ที่วัดตาลเรียง จ.ขอนแก่น ไปเทศน์ให้ชาวบ้านฟังปรากฏว่าเป็นที่ติดอกติดใจถูกเรียกหาตั้งแต่นั้น พอย้ายมาจำพรรษาที่กรุงเทพฯ ศึกษาต่อที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เรียนด้านปรัชญา และเริ่มศึกษาด้านการสอน การอบรมโดยตรง จุดเด่นที่เน้นในการเทศน์คือ ต้องให้มี 5 ส คือ สนุก สาระ สงบ สติ สำนึก

เป็นเจ้าของต้นตำรับธรรมะดีลิเวอรี่ ด้วยแนวคิดที่ว่า ธรรมะไม่จำเป็นต้องอยู่ที่วัด ธรรมะไปได้ทุกที่ ถ้าที่นั่นต้องการธรรมะ พระมหาสมปองบอกว่า การเทศน์แบบดีลิเวอรี่ไม่ใช่สิ่งใหม่ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว จะเห็นว่าหลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็ออกตามหาปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เพื่อเผยแพร่พระธรรม พระมหาสมปองจึงหาวิธีส่งธรรมะเข้าถึงประชาชนด้วยการใช้ระบบไอทีค้นหารายชื่อโรงเรียน และเสนอตัวไปเทศน์ให้เด็กนักเรียนฟัง จนเป็นที่รู้จักนับถือกันอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนติดต่อให้พระมหาสมปองไปเทศน์ตกเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ราย

รูปแบบการเทศน์เน้นสนุกสนาน ทันกระแส บางครั้งใช้ซีรีส์เกาหลีมาเทศน์สอนใจ ไม่เน้นภาษาบาลี เพื่อให้คนเข้าถึงธรรมะง่ายที่สุด เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กนักเรียนระดับประถมและมัธยม เพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นชอบฟังธรรมะและรู้สึกว่าการฟังเทศน์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อผลงานปัจจุบันรายการธรรมะดีลิเวอรี่ออกอากาศทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ และรายการสยามทูเดย์ ช่วงตอบคำถามธรรมะ ทุกวันพุธ ทางช่อง 5 นอกจากนี้มีการออกวีซีดีจำหน่ายเพื่อนำรายได้บริจาคให้วัดพระบาทน้ำพุ รวมทั้งออกหนังสือด้วย 


พระยาฤทธิฤาชัย
   พระยาฤทธิฤาชัย  ในปี พ.ศ.๒๓๖๙ เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เป็นกบฏยกกองทัพมากวาดต้อนผู้คนในหัวเมืองภาคอีสาน และเข้ายึดเมืองนครราชสีมา
    ในครั้งนั้น ขุนพลนายด่านบ้านช่วนทราบข่าวกบฏ จึงได้ยกกำลังไปสมทบช่วยปราบกบฏได้คุมครัวไทยส่วนหนึ่งที่อยู่ที่บ้านมะเริ่ง ขุนพลนายด่าน ฯ ได้แต่งหนังสือหลอก ส่งเข้าไปในค่ายเจ้าอนุวงศ์ มีใจความว่า"ขณะที่ลาวกำลังกวาดต้อนผู้คนอยู่ที่เมืองนครราชสีมานี้ กองทัพเมืองเชียงใหม่ ได้ยกไปกวาดต้อนครัวเมืองเวียงจันทน์แล้ว"
    
หลังจากนั้น ขุนพลนายด่าน ฯ ได้ให้คนถือหนังสือไปถึงพระยาปลัด และกรมการเมืองนครราชสีมา เพื่อนัดวันเข้าตีกองทัพเวียงจันทน์ และตัวขุนพลนายด่าน ฯ จะช่วยยกกำลังเข้าตีกระหนาบอีกด้านหนึ่ง แต่ยังไม่ทันเข้าโจมตีก็ได้ทราบข่าวว่า เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพออกจากเมืองนครราชสีมา ขุนพลนายด่าน ฯ จึงได้นำกำลังเข้าสมทบ กับกองทัพหลวงจากกรุงเทพ ฯ สู้รบกับฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ต่อไป
    เมื่อเสร็จการปราบกบฏแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานบำเหน็จความชอบขุนพลนายด่าน ฯ เป็นพระยาฤทธิฤาชัย และให้ยกฐานะด่านช่วน ขึ้นเป็นเมืองบำเหน็จณรงค์ ให้พระยาฤทธิฤาชัยเป็นเจ้าเมืองบำเหน็จณรงค์ ถือศักดินา ๑,๐๐๐ ไร่ พระราชทานเครื่องยศ ถาดหมาก คณโฑเงินสำรับหนึ่ง สัปทนแพรคันหนึ่ง เสื้อเข้มขาบก้านแย่งตัวหนึ่ง แพรศรีติจ์ครีบผืนหนึ่ง แพรขาวห่มผืนหนึ่ง ผ้าส่านวิลาตผืนหนึ่ง ผ้าม่วงจีนผืนหนึ่ง
ภิกษุสงฆ์
นักแสดง
นักมวย
นักร้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น